ออกแบบการศึกษาให้ยืดหยุ่น สร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียม

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล การปรับปรุงระบบการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพื่อให้ทุกคนสามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่นและเท่าเทียม ทั้งนี้ การออกแบบการศึกษาที่มีความเหมาะสมสำหรับทุกคนนั้น เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างสังคมที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน

ปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ในการพัฒนาระบบการศึกษาให้ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของนักเรียน แอร์เว มอแร็ง หัวหน้าโครงการ UPSHIFT องค์การยูนิเซฟภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ได้เสนอแนวทางที่สำคัญ ดังนี้:

1. ความสามารถในการปรับตัว (adaptability and modularity facilitates adoption): การออกแบบการเรียนการสอนที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทของแต่ละประเทศ จะช่วยให้นวัตกรรมการศึกษาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย
2. การมีนโยบายที่เหมาะสม (the right policy environment): ผู้บริหารระดับสูงต้องสนับสนุนให้ระบบการศึกษามีความยืดหยุ่น เพื่อพัฒนาทักษะของเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ครูเป็นกุญแจสำคัญ (teachers and educators are key partners): ต้องมีการพัฒนาและอบรมครูให้สามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายและทันสมัยสำหรับนักเรียน

สร้างแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย

นอกจากนี้ ปฏิมา จงเจริญธนาวัฒน์ ผู้อำนวยการกองศึกษาและวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยังได้เสนอแนวทางสำคัญเพิ่มเติม ดังนี้:

1. สร้างแรงจูงใจสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (align incentive for all stakeholders): การให้รางวัลและการสร้างความรู้สึกมีคุณค่าแก่นักเรียน จะช่วยสร้างความร่วมมือในการพัฒนาทักษะ
2. การมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: การร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในชุมชน เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล มหาวิทยาลัย และสถานประกอบการ จะช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ

ออกแบบการศึกษาให้เอื้อต่อทุกคน

ในขณะเดียวกัน คาเทีย มาลาเกียส ผู้ก่อตั้งร่วมกลุ่มพันธมิตร Australian Alliance for Inclusive Education ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการออกแบบระบบการศึกษาที่เอื้อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการ ดังนี้:

1. การออกแบบการเรียนการสอนตามหลักการ universal design: การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ที่คำนึงถึงความหลากหลายของผู้เรียน จะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม
2. การออกแบบงานที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล (customised employment): การปรับปรุงตำแหน่งงานให้เข้ากับทักษะและความสามารถของแต่ละบุคคล จะช่วยให้ผู้พิการมีโอกาสในการทำงานและมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเต็มที่

การปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาให้มีความยืดหยุ่น พร้อมกับการสร้างความเป็นธรรมและการมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มในสังคม จะนำไปสู่การสร้างสังคมที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือกันสร้างสรรค์ขึ้นมา