บทความ

สรุปย่อ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

สรุปย่อ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
สรุปย่อ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.  2542

  • ให้ไว้ ณ วันที่  14  สิงหาคม  2542    ประกาศ  ณ  วันที่  19  สิงหาคม  2542
  • มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20  สิงหาคม  2542 รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการ 
  • เกิดจากหมวด 5 มาตรา 81 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ (จัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ) 

มาตรา 4  การศึกษา  หมายความว่า  กระบวนการเรียนรู้ เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคล และสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสรรค์สร้าง จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้ และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต

  • การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า  การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา  
  • การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาอันเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 
  • การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรในสถานศึกษา / หน่วยงานต้นสังกัด  
  • การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพทางการศึกษา ( สมศ )
  • ผู้สอน หมายความว่า ครู และคณาจารย์ในสถานศึกษาต่าง ๆ
  • ครู หมายความว่า  บุคลากรวิชาชีพ ซึ่งที่มีหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ในสถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน
  • คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากร ซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอน และการวิจัย ในสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ/เอกชน(ข้อสังเกต ไม่มีคำว่า วิชาชีพ/การเรียน/การส่งเสริม)
  • ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน
  • ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษา นอกสถานศึกษา ตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
  • บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งทำหน้าที่ในการให้บริการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ. 2542   มี  9  หมวด  78  มาตรา  1  บทเฉพาะกาล

หมวดที่ 1  บททั่วไป  ความมุ่งหมาย และหลักการ ( มาตรา 1 – 9 )

มาตรา 6  การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 

มาตรา 8  หลักการจัดการศึกษา มีองค์ประกอบ  ดังนี้ 

  1. เป็นการศึกษาตลอดชีวิต สำหรับประชาชน
  2. ให้สังคมมีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษา
  3. การพัฒนาสาระ และกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

หมวดที่ 2  สิทธิ และหน้าที่ทางการศึกษา   ( มาตรา 10 – 14 )

มาตรา 10   การจัดการศึกษา  ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ และโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษา  ขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า  12  ปี  ที่รัฐต้องจัดให้ อย่างทั่วถึง      มีคุณภาพ    และไม่เก็บค่าใช้จ่าย

  • การศึกษาสำหรับคนพิการ รัฐต้องจัดให้ตั้งแต่แรกเกิด หรือพบความพิการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลือ
  • บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ รัฐต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคล ( ความแตกต่างระหว่างบุคคล )

มาตรา 13  บิดามารดา หรือผู้ปกครอง มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ( การศึกษาตามอัธยาศัย )

  1. การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
  2. เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  3. การลดหย่อน หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา

มาตรา 14  บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และอื่น ๆ  มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ( การศึกษาตามอัธยาศัย )

  1. การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
  2. เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  3. การลดหย่อน หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา

หมวดที่  3   ระบบการศึกษา  ( มาตรา 15 – 21 )

มาตรา 15  ระบบการศึกษา  มี  3  ระบบ

  1. การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา

ของการศึกษา การวัดผล และประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่ แน่นอน

  1. การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการ

ศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา

  1. การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ

มาตราที่ 16  การศึกษาในระบบ  มี  2  ระดับ  คือ

  1. การศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดให้ไม่น้อยกว่า 12 ปี ก่อนอุดมศึกษา
  2. การศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา

มาตรา 17  การศึกษาขั้นบังคับ จำนวน  9  ปี โดยเด็กอายุย่างเข้าปีที่ 7 เข้าเรียนในสถานศึกษา

มาตรา  18  การจัดการศึกษาปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้

  1. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เช่น ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
  2. โรงเรียน เช่น โรงเรียนรัฐ / เอกชน
  3. ศูนย์การเรียน 

หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา (มาตรา 22 – 30) เป็นหัวใจของ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ

มาตรา 22 การจัดการศึกษายึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า  ผู้เรียนสำคัญที่สุด  กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ

มาตราที่ 23  จุดเน้นในการจัดการศึกษา ( ทั้ง 3 ระบบ )   

  1. ความรู้     คุณธรรม   3.   กระบวนการเรียนรู้    4.   บูรณาการ  ตามความเหมาะสม ดังนี้
  • ความรู้เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม รวมถึงประวัติความเป็นมาของสังคมไทย และระบอบการปกครอง
  • ความรู้ และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
  • ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
  • ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
  • ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข

มาตรา 25  รัฐส่งเสริมการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต

มาตรา 26  ให้สถานศึกษาจัดประเมินผู้เรียน  ควบคู่กับกระบวนการเรียนการสอน ( โดยถือว่า

การประเมินผล  เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษา และเป็นหน้าที่ของสถานศึกษา )

มาตรา 27  คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  กำหนด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

มาตรา 30  สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมผู้สอนให้

สามารถวิจัย เพื่อพัฒนาผู้เรียน

หมวด 5  การบริหาร และการจัดการศึกษา  (  มาตรา 31 – 46 )

ส่วนที่  1  การบริหาร และการจัดการศึกษาของรัฐ

มาตรา 32  การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวง ที่เป็นองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา  จำนวน  4  องค์กร  คือ  ( ข้อสอบแน่ ๆ )

  1. สภาการศึกษา มีหน้าที่
  • พิจารณา เสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ กับการศึกษาทุกระดับ
  • พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา
  • พิจารณาเสนอนโยบาย และแผน ในการสนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษา
  • ดำเนินการประเมินผลการจัดการศึกษา
  • ให้ความเห็น และคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และกฎกระทรวง
  • คณะกรรมการสภาการศึกษา ( จำนวน  59  คน )ประกอบด้วย  ( ข้อสอบ )
  • ประธานกรรมการ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
  • กรรมการโดยตำแหน่ง
  • ผู้แทนองค์กรเอกชน
  • ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
  • ผู้แทนคณะสงฆ์
  • ผู้แทนศาสนาอิสลาม
  • ผู้แทนศาสนาอื่น
  • ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน  ( 30  คน )
  • เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล )
  1. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่ พิจารณา  เสนอแผนพัฒนามาตรฐาน และ

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน  สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน   ( ข้อสอบ )

  • คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย   ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
  • กรรมการโดยตำแหน่ง ( ปลัดกระทรวง / เลขาฯ สภา / เลขาฯ อุดมศึกษา / เลขาฯ อาชีวศึกษา / เลขาฯ คุรุสภา / ผอ.สำนักงบประมาณ / ผอ.สำนักสอนวิทย์ และเทคโนฯ / ผอ.สำนักรับรองมาตรฐาน และประกันคุณภาพ)
  • ผู้แทนองค์กรเอกชน
  • ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ( ไม่มีผู้แทนศาสนา )
  • ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( 12 คน และผู้แทนพระ 1 รูป )
  • เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล )
  • คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน )
  • คณะกรรมการการอุดมศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน )

มาตรา 37 การบริหาร และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึง

  1. ปริมาณสถานศึกษา
  2. จำนวนประชากร
  3. วัฒนธรรม
  4. ความเหมาะสมด้านอื่น ๆ ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
  • รัฐมนตรีกระทรวง โดยคำแนะนะของ สภาการศึกษา มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดเขตพื้นที่การศึกษา    ( ข้อสอบ )

มาตรา 38  คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจในการ กำกับ ดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษา  ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )

  • คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ( จำนวน  15  คน )ประกอบด้วย
  • ผู้แทนองค์กรชุมชน
  • ผู้แทนองค์กรเอกชน 
  • ผู้แทนองค์กรส่วนท้องถิ่น
  • ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู
  • ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหารการศึกษา
  • ผู้แทนสมาคมผู้ปกครอง และครู 
  • ผู้ทรงคุณวุฒิ
  • ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
  • คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
  • ผู้แทนผู้ปกครอง
  • ผู้แทนครู
  • ผู้แทนองค์กรชุมชน
  • ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • ผู้แทนศิษย์เก่า
  • ผู้แทนพระภิกษุ/องค์กรศาสนาอื่น
  • ผู้ทรงคุณวุฒิ
  • ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
ส่วนที่ 2  การบริหาร และการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

มาตรา 41  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ

ส่วนที่ 3  การบริหาร และการจัดการศึกษาของเอกชน
มาตรา 44  สถานศึกษาเอกชน เป็น นิติบุคคล

  • คณะกรรมการสถานศึกษาเอกชน ประกอบด้วย
  • ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน
  • ผู้รับใบอนุญาต
  • ผู้แทนผู้ปกครอง
  • ผู้แทนองค์กรชุมชน
  • ผู้แทนครู
  • ผู้แทนศิษย์เก่า ( ไม่มีผู้แทน องค์กรส่วนท้องถิ่น และ ศาสนา )
  • ผู้ทรงคุณวุฒิ
มาตรา 45  สถานศึกษาเอกชน  มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ

หมวดที่ 6  มาตรฐาน และการประกันคุณภาพทางการศึกษา  ( มาตรา 47 – 51 )

มาตรา 47  ให้มีระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษา

ทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก

มาตรา 48  ให้หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา  จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน โดยให้ถือว่า   การประกันคุณภาพภายใน  

  • เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา
  • ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
  • จัดทำรายงานประจำปีเสนอหน่วยงานต้นสังกัด / หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • เปิดเผยต่อสาธารณชน

มาตรา 49  ให้มี  สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพทางการศึกษา  มีฐานะเป็น

องค์กรมหาชน  มีหน้าที่พัฒนาเกณฑ์  วิธีการ และทำการประเมินคุณภาพภายนอก  เพื่อตรวจสอบ คุณภาพ ของสถานศึกษา  อย่างน้อย  1  ครั้ง ในทุก  5  ปี นับแต่ประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชน

       มาตรา 51 กรณีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา ไม่ได้มาตรฐานให้  สมศ. จัดทำข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการให้รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

หมวดที่ 7  ครู  คณาจารย์  และบุคลากรทางการศึกษา  ( มาตรา 52 – 57 )

มาตรา 53  ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็นองค์กรอิสระ ภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ  มีอำนาจ  ( ทำให้เกิด พ.ร.บ.สภาครู ฯ )

  • กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ /  ออก และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการ

ปฏิบัติตามมาตรฐาน และจรรยาบรรณของวิชาชีพ  / พัฒนาวิชาชีพ

  • ครู ผู้บริหารสถานศึกษา  ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐ และเอกชน

ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ   ยกเว้น  

  • บุคลากรที่จัดการศึกษา ตามอัธยาศัย
  • ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตการศึกษา
  • วิทยากรพิเศษทางการศึกษา
  • คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ในระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา

หมวดที่ 8  ทรัพยากร และการลงทุน เพื่อการศึกษา  ( มาตรา 58 – 62 )

มาตรา 59 บรรดาอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาของรัฐ ที่เป็นนิติบุคคลได้มา โดยมีผู้อุทิศให้หรือซื้อ แลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษาไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสถานศึกษา  ( ข้อสอบ )

  • บรรดารายได้ และผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง ให้จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาได้

หมวดที่ 9  เทคโนโลยี เพื่อการศึกษา  ( มาตรา 63 – 69 )

มาตรา 63  รัฐต้องจัดคลื่นความถี่  สื่อตัวนำ  โครงสร้างพื้นฐานอื่น ที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษา

มาตรา 64  รัฐส่งเสริม และสนับสนุนการผลิต และพัฒนาแบบเรียน โดนเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม

บทเฉพาะกาล  ( มาตรา 70 – 78 )

มาตรา 70  บรรดา  กฎหมาย  กฎ  ระเบียบ  ข้อบังคับที่ใช้บังคับอยู่ ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้  ( ข้อสอบ )

มาตรา 71  กระทรวง  ทบวง  กรม  หน่วยงานทางการศึกษา และสถานศึกษา ที่มีอยู่ในวันที่  พ.ร.บ.บังคับใช้ ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้

      มาตรา 72  ห้ามมิให้ใช้  มาตรา 10  ( การศึกษาพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ) มาบังคับใช้ จนกว่าจะมีการดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.  แต่ต้องไม่เกิน 5  ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้

  • ภายใน 6  ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ ให้มีการประเมินภายนอกทุกแห่ง ( 2548 )

มาตรา 75 ให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปทางการศึกษา เป็น  องค์กรมหาชนเฉพาะกิจ

      มาตรา 76  คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา  จำนวน  9  คน

มีวาระดำรงตำแหน่งวาระเดียว 3 ปี  เมื่อครบแล้วยุบตำแหน่ง และสำนักงาน

Powered by GliaStudio

การศึกษาไทย

เว็บไซต์ข่าวสารการศึกษาของครูและบุคลากรทางการศึกษา อัพเดททุกวัน ติดตามเราเพื่อไม่พลาดความเคลื่อนไหว ของข่าวสารการศึกษา ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button