Jannah Theme License is not validated, Go to the theme options page to validate the license, You need a single license for each domain name.

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิด ตามเทคนิค STAD ที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก

กระดานสนทนา เผยแพร่ผลงานวิชาการหมวดหมู่: เผยแพร่ผลงานวิชาการการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิด ตามเทคนิค STAD ที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก
Thanawat Wichachart asked 6 เดือน ago

            การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับแนวคิดตามเทคนิค STAD 2) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับแนวคิดตามเทคนิค STAD หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก ตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับแนวคิดตามเทคนิค STAD หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก 4) เพื่อศึกษาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับแนวคิดตามเทคนิค STAD หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนหนองบุญมากประสงค์วิทยา ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับแนวคิดตามเทคนิค STAD หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัย และพัฒนา (Research and Development) ซึ่งมีการดำเนินการ 4 ขั้นตอนสำคัญคือ 1) การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานสำหรับเป็นแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2) การออกและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) ทดลองใช้และพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่แบบรายบุคคล จำนวน 3 คน แบบกลุ่มเล็กจำนวน 9 คน และแบบภาคสนามจำนวน 33 คน ที่เป็นการทดลองโดยใช้เครื่องมือเช่นเดียวกับกลุ่มตัวอย่าง โดยทุกครั้งที่มีการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้จะมีการปรับปรุงและพัฒนา และ 4) ขั้นตอนการยืนยันประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนหนองบุญมากประสงค์วิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 38 คน ได้จากวิธีการสุ่มยกชั้น (Cluster random sampling) โดยใช้การวิจัยแบบ One Group Pretest – Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้เรื่องโครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอกจำนวน 8 แผน แบบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหา แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการดำเนินการวิจัยใช้สถิติที่สำคัญได้แก่ การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ค่าเฉลี่ย (x-bar) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ร้อยละ (P) และสถิติทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว (t-test one sample) จากผลการศึกษากับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างพบว่า

  1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับแนวคิดตามเทคนิค STAD ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการของรูปแบบการจัดการเรียนรู้  2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ (ซึ่งประกอบด้วย  6 ขั้นตอนได้แก่ 1) ขั้นกำหนดปัญหา 2) ขั้นทำความเข้าใจปัญหา 3) ขั้นดำเนินการศึกษาค้นคว้า และเรียนรู้ตามแผน 4) ขั้นสังเคราะห์ความรู้ 5) ขั้นสรุป และประเมินค่าของคำตอบ และ 6) ขั้นนำเสนอ และประเมินผล) 4) การวัดและประเมินผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ และ 5) ปัจจัยสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
  2. ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับแนวคิดการตามเทคนิค STAD เท่ากับ 85.76/87.28 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
  3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนเฉลี่ยโดยรวมสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
  4. ผลการทำแบบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนเฉลี่ยโดยรวมคิดเป็นร้อยละ 78.29 ซึ่งผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 ที่ตั้งไว้ในเบื้องต้น
  5. ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับแนวคิดตามเทคนิค STAD เฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมาก (x-bar= 4.18, S.D. = .76) ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของงานวิจัย
Powered by GliaStudio
ชุดข้าราชการ ชุดข้าราชการหญิง ชุดกากี ชุดข้าราชการ shopee
Back to top button