การวิจัยและพัฒนารูปแบบการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนบ้านบุเสมาทอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๖

บทคัดยอ
การวิจัยและพัฒนารูปแบบการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนบ้านบุเสมาทอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๖ ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค 1)เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ในการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนบ้านบุเสมาทอง 2)เพื่อการวิจัยและพัฒนารูปแบบการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนบ้านบุเสมาทอง ๓) เพื่อประเมินรูปแบบการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนบ้านบุเสมาทอง ไปสู่การปฏิบัติในสถานศึกษา ใชรูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ ดำเนินการวิจัยตามกระบวนการวิจัยและพัฒนา ได้แก ๑) การวิจัยสำรวจ วิเคราะห สังเคราะหปญหา ( R๑) ๒)การสร้างและตรวจสอบรูปแบบ (D๑) ๓) การทดลองใชรูปแบบ (R๒) ๔) พัฒนาเพิ่ม /ปรับปรุง /แกไข (D๒) ๕) การวิจัยเชิงคุณภาพ (R๓) ๖) การปรับปรุง และเผยแพร (D๓) นำไปสู่การปฏิบัติในสถานศึกษา กลุ่มผู้ให้ข้อมูล แบ่งเป็นระยะที่๑ ได้แก่ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้นำชุมชน จำนวน 35 คน ระยะที่ ๒ จำนวน 1๒ คน ระยะที่ ๓ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑, ๓, ๖ จำนวน จำนวน ๖๕ คน การเก็บรวมรวมข้อมูล ใช้แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกข้อมูล สถิติใช้วิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา พบวา
๑. สภาพปัจจุบัน การบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านบุเสมาทอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๖ (ปีการศึกษา ๒๕๖๓) โดยภาพรวมค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำกว่าศูนย์เครือข่าย ต่ำกว่าระดับเขตพื้นที่ และต่ำกว่าระดับประเทศมาก สภาพที่พึงประสงค์ พบว่า มีความต้องการที่พึงประสงค์ โดยภาพรวม มีความต้องการให้สถานศึกษาพัฒนาคุณภาพการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ให้สูงกว่าระดับประเทศ
๒. การพัฒนารูปแบบการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนบ้านบุเสมาทอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๖ ได้แก่คู่มือการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนบ้านบุเสมาทอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๖ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 หลักการ วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ กิจกรรม ส่วนที่2 รูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนนำรูปแบบไปใช้โดยเริ่มจาก (๑) วิเคราะหข้อมูล (Data Analysis) : การวิเคราะหผลการทดสอบ O-NET,NT,RT มีการวิเคราะหผลการสอบ ๓ ป ยอนหลังของโรงเรียน โดยวิเคราะหคะแนนเฉลี่ยแต่ละรายวิชาในระดับมาตรฐานการเรียนรู เพื่อใหทราบจุดแข็ง – จุดออนการจัดการเรียนการสอนของครู และวิเคราะหผลการทดสอบของนักเรียนที่มีการทดสอบระดับชาติ ในปการศึกษาปจจุบัน ด้วยแบบทดสอบปการศึกษาที่ผ่านมา จากนั้นสร้างเครื่องมือหรือนวัตกรรมที่ออกแบบรูปแบบ “อธิบายข้อสอบเชื่อมโยงองค์ความรู้” (E: Explain the exam that connects knowledge) ตาม Test Blueprint และจัดกลุมนักเรียนตามศักยภาพและความถนัด (๒) Exam : แบบทดสอบ ทดสอบนักเรียนโดยใช แบบทดสอบ O-NET,NT,RT ที่ผ่านมาและคลังสอบที่เตรียมสร้างไว้ตาม Test Blueprint แต่ละปีเพื่อคาดการณวาจะตองพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคลจำนวนกี่คนและเฉลี่ยโดยรวม (๓) Connects : การเชื่อมโยงข้อมูลจากฐานข้อมูลหนึ่ง ไปยังอีกฐานข้อมูลหนึ่งได้ โดยการวิเคราะห์ สามารถเชื่อมโยงข้อสอบได้ทั้งจากภายในตัวนักเรียนเองคือองค์ความรู้ที่เรียนมา และข้อมูลภายนอกที่เป็นข้อสอบรับเข้ามาใหม่ อธิบายข้อสอบถึงเนื้อหาที่ต้องการเน้นพิเศษ หาเทคนิควิธีการให้นักเรียนเข้าใจแล้วยกตัวอย่างและฝึกทำข้อสอบแบบเดียวกันจนเข้าใจ (๔) Knowledge : ความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) และความรู้แบบฝังลึก (Tacit Knowledge) องค์ความรู้ เป็นความรู้ที่เกิดขึ้นต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยความรู้ที่เกิดขึ้นนั้นผู้รับสามารถนำไปใช้ในลักษณะต่าง ๆ ได้ (๕) สร้างการมีสวนร่วมกับครูภายในโรงเรียนโดยการ วิเคราะหจุดแข็ง – จุดออนระดับตัวชี้วัดแลวนำผลการวิเคราะหแต่ละตัวชี้วัดมอบใหครูผูสอนที่รับผิดชอบตัวชี้วัดดังกล่าว ชี้แจง แผนผังแบบทดสอบนำเสนอเทคนิคการ วิเคราะห test blue print ของขอสอบ (๖) จัดกิจกรรมเสริมเติมความรูกอนสอบโดยทบทวนบทเรียนกอนสอบและกิจกรรมสรางแรงจูงใจ ในการทำข้อสอบรวมถึงกิจกรรมพัฒนาการคิดวิเคราะห
๓.การประเมินรูปแบบการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านบุเสมาทอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๖ ด้านความเหมาะสม ด้านความเป็นไปได้และด้านความเป็นประโยชน์ พบว่า โดยภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด และความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสีย อยู่ในระดับมากที่สุด