PANCAKE Model ขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต ด้วยกระบวนการ Active Learning

กระดานสนทนา เผยแพร่ผลงานวิชาการPANCAKE Model ขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต ด้วยกระบวนการ Active Learning
  1. 1. ความสำคัญของผลงาน นวัตกรรมหรือวิธีปฏิบัติที่นำเสนอ

1.1 ความเป็นมาและสภาพของปัญหา
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2579 กำหนดทิศทางให้คนไทยเป็นพลเมืองดีมีคุณลักษณะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มีสมรรถนะที่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ทั้งนี้สังคมไทยต้องเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ มีคุณธรรม จริยธรรม รู้รักสามัคคี และร่วมมือผนึกกำลังมุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งควรให้ความสำคัญในการมีทักษะชีวิตและการเตรียมเยาวชนให้มีชีวิตที่สมบูรณ์ ปลอดภัย และสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ในโลกที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงต่อสุขภาวะ ความรุนแรงด้านเพศสภาวะ และความไม่เท่าเทียมทางเพศ จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องได้รับการเปิดใจยอมรับในเรื่องของเพศวิถีศึกษารอบด้าน (Comprehensive sexuality education: CSE) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เพศวิถีศึกษา โดยต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือเกี่ยวกับประโยชน์ของหลักสูตรเพศวิถีศึกษาที่มีคุณภาพ ให้เด็กและเยาวชนได้รับโอกาสในการเตรียมพร้อม ให้สามารถควบคุมและตัดสินใจเกี่ยวกับเพศวิถี และความสัมพันธ์ของตนบนพื้นฐานความรู้ความเข้าใจอย่างอิสระ และมีความรับผิดชอบได้ เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ยังมีเยาวชนจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับข้อมูลเชิงลบ ที่มีความขัดแย้ง และก่อให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับเพศวิถี ที่มักถูกมองเป็นเรื่องน่าอายและไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใหญ่ ซึ่งรวมถึงพ่อแม่และครู นอกจากนั้น ทัศนคติและกฎหมายในหลายสังคมยังปิดกั้นไม่ให้มีการพูดถึงเพศวิถีและพฤติกรรมทางเพศในที่สาธารณะ อีกทั้งบรรทัดฐานทางสังคมยังเอื้อต่อสภาวะที่ไม่ปลอดภัย เช่น ความไม่เท่าเทียมทางเพศอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางเพศ การวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดที่ทันสมัย เป็นต้น (องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ, 2563 : 12)  
ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้นำกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)  มาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์ขั้นสูง และมีพัฒนาการให้เกิดทักษะวิชาการ และทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง การจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นวิธีการสอนรูปแบบหนึ่งที่มีความเหมาะสมกับการเรียนรู้ที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเข้าใจและการนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการตื่นตัวต่อการเรียนรู้และสร้างความกระตือรือร้นด้านการรู้คิดมากกว่าวิธีการสอน โดยการท่องจำเพียงอย่างเดียว การเรียนการสอนเชิงรุกจึงมีบทบาทช่วยให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนสูงขึ้น ผู้เรียนจะเกิดความพึงพอใจในรูปแบบการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการกิจกรรมการเรียนการสอนได้ลงมือกระทำ (active learning) มากกว่าการที่ผู้เรียนเป็นฝ่ายรับความรู้เพียงอย่างเดียว (passive learning) ยังมีกิจกรรมการแสวงหาความรู้ที่ผู้สอนกำหนด อีกทั้งให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สามารถทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในมโนทัศน์ที่สอนได้ถูกต้องและลึกซึ้ง เกิดความคงทนถาวร ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ได้เป็นอย่างดี เกิดความสนุกสนานจากกิจกรรมที่จัดขึ้นในการเรียนการสอนและสามารถบูรณาการความรู้ที่ได้ให้เกิดประโยชน์ เป็นผลสืบเนื่องมาจากผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมหรือแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การเรียนการสอนเชิงรุก สามารถสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้เรียนได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้เพราะการเรียนเชิงรุกเป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมีการสร้างกิจกรรมในชั้นเรียน ดังนั้น จึงจัดได้ว่าการเรียนการสอนเชิงรุกเป็นการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ทักษะการคิดขั้นสูง การแก้ปัญหา และการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในอนาคต ซึ่งต้องสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนกล้าพูด กล้าตอบ และมีความสุขทุกการเรียนรู้ โดยสิ่งที่ครูผู้สอนควรดำเนินการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิด ครูควรแสวงหารูปแบบและวิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาจศึกษาจากคู่มือผลงานวิจัยหรือจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูผู้สอนคนอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์รวมถึงแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) 
(ภาคผนวก : หน้า 17)
1.2 แนวคิดหลักสำคัญ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิตโดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553 : 4) อีกทั้งการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานมีนโยบายและเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในด้านความสามารถและทักษะตลอดจนคุณลักษณะที่จะช่วยเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร และมีภูมิคุ้มกันการดำเนินชีวิต ผู้เรียนจะต้องมีความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงและท้าทาย ซึ่งต้องใช้กระบวนการคิดและการตัดสินใจที่เหมาะสม จึงจะสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2554) นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศ จึงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ได้กำหนดแนวทางการพัฒนา “การศึกษาขั้นพื้นฐานวิถีใหม่ วิถีคุณภาพ” ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านความปลอดภัย ด้านโอกาส ด้านคุณภาพ และด้านประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นการต่อยอดพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เป็น “วิถีอนาคต วิถี คุณภาพ” จึงกำหนดนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ)
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 ได้ดำเนินการตามนโยบายและจุดเน้นโดยให้โรงเรียนในสังกัดจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โรงเรียนวัดเกาะลอย (ชุณหะวัตราษฎร์รังสรรค์) จึงได้นำนโยบายของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 มาใช้ในการปฏิบัติและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในด้านการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต โดยการสร้างนวัตกรรม “PANCAKE Model ขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตด้วยกระบวนการ Active Learning”  เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น คิดวิเคราะห์ ตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ มีทักษะการจัดการกับอารมณ์และความเครียด รู้จัก สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ด้วยการจัดการเรียนการสอนทักษะชีวิตบูรณาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอันจะนำไปสู่การมีทักษะชีวิตตามความคาดหวังของหลักสูตรตามช่วงวัยในแต่ละชั้นปี การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตให้เกิดกับผู้เรียน องค์ประกอบของทักษะชีวิตที่สำคัญที่จะสร้างและพัฒนาเป็นภูมิคุ้มกันชีวิตให้แก่เด็กและเยาวชนในสภาพสังคมปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตไว้ 4 องค์ประกอบ คือ 1) การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและ ผู้อื่น 2) การคิดวิเคราะห์ตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 3) การจัดการกับอารมณ์และความเครียด และ 4) การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ จะสะท้อนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในโรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญ และคุณค่าในการดำเนินงานได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปขยายผลต่อเพื่อเกิดประโยชน์ในการพัฒนาการศึกษา อีกทั้งยังสามารถนำสารสนเทศจากการประเมินผลไปปรับปรุงด้านการเรียนการสอนให้เหมาะสม และเกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนให้เกิดผลตามการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

  1. 2. จุดประสงค์และเป้าหมายของนวัตกรรม

2.1 การกำหนดจุดประสงค์และเป้าหมายของนวัตกรรม
วัตถุประสงค์

  1. เพื่อผู้บริหารให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของครูในด้านการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต โดยใช้ PANCAKE Model ขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตด้วยกระบวนการ Active Learning
  2. เพื่อพัฒนาผู้บริหาร ครู และนักเรียน ให้มีทัศนคติ วิธีคิด และการประพฤติปฏิบัติที่เน้นคุณธรรมและ ค่านิยมที่เหมาะสมกับสังคมไทย เพิ่มพฤติกรรมที่พึงประสงค์ และลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
  3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของครู ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนที่มีต่อการใช้หลักการบริหารจัดการแบบ “PANCAKE Model ขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตด้วยกระบวนการ Active Learning”

2.1.1 เป้าหมายเชิงปริมาณ

  1. ผู้บริหารและครูทุกคนของโรงเรียนวัดเกาะลอย (ชุณหะวัตราษฎร์รังสรรค์) ได้รับการพัฒนาตนเองและสามารถใช้กระบวนการจัดการเรียนการสอนในด้านการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต
  2. ผู้บริหาร ครู และนักเรียนทุกคนของโรงเรียนวัดเกาะลอย (ชุณหะวัตราษฎร์รังสรรค์) มีทัศนคติ วิธีคิด และการประพฤติปฏิบัติที่เน้นคุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสมกับสังคมไทย เพิ่มพฤติกรรมที่พึงประสงค์ และลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
  3. ร้อยละ 90 ของครู นักเรียน และผู้ปกครองของโรงเรียนวัดเกาะลอย (ชุณหะวัตราษฎร์รังสรรค์) มีความพึงพอใจต่อการใช้หลักการบริหารจัดการแบบ PANCAKE Model ขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตด้วยกระบวนการ Active Learning

2.1.2 เป้าหมายเชิงคุณภาพ

  1. ผู้บริหารและครูของโรงเรียนวัดเกาะลอย (ชุณหะวัตราษฎร์รังสรรค์) รู้และสามารถใช้กระบวนการจัดการเรียนการสอนในด้านการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต
  2. ผู้บริหาร ครู และนักเรียนของโรงเรียนวัดเกาะลอย (ชุณหะวัตราษฎร์รังสรรค์) มีทัศนคติ วิธีคิด และสามารถประพฤติปฏิบัติที่เน้นคุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสมกับสังคมไทย เพิ่มพฤติกรรมที่พึงประสงค์ และลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
  3. ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้หลักการบริหารจัดการแบบ “PANCAKE Model ขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตด้วยกระบวนการ Active Learning”
Powered by GliaStudio
Back to top button